ตรวจสอบการใช้ไฟฟ้าของเครื่องจักร ก่อนทำการติดตั้ง ปัญหาของงานติดตั้งเครื่องจักรที่มักจะพบเจอกันคือ
1. สายไฟที่เข้ามอเตอร์ เส้นใหญ่เกินไป เวลาขดตัวใน box ต่อสายแล้วปิดฝาไม่ได้ และเมื่อใส่หางปลาและต่อเข้าขั้วแล้ว จะทำให้หางปลาใกล้ชิดกันเกินไป
2. ท่ออ่อนร้อยสายที่มาจ่ายให้กับ box motor เข้ารู box ไม่ได้เนื่องด้วยรูที่ box เล็กเกินไป
ปัญหาเหล่านี้ จะแก้ไขได้อย่างไร บางครั้งจะพบว่าช่างที่ติดตั้งมักจะทำแบบมักง่ายคือ ตัดเส้นทองแดงของสายไฟฟ้าออกไปบ้าง เปลี่ยน box ที่เข้าให้โตขึ้นบ้าง หรือไม่ก็ต่อ busbar ออกมารับสายท่านรู้ไหม ปัญหาเหล่านี้เกิดได้อย่างไร เราไปแก้ไขที่ต้นเหตุดีกว่า
เนื่องด้วยในขั้นตอนการออกแบบ ผู้ออกแบบเครื่องกล ได้ออกแบบความต้องการของเครื่องจักร ตามค่าทางกลศาสตร์ โดยกำหนดค่าแรงม้า (HP.) หรือกำลังไฟ (kw.) ไว้จากข้อมูลของเครื่องจักรโดยประมาณ ค่าโดยประมาณนี้ คือตัวปัญหา
เพราะเมื่อเลือกได้ เครื่องจักรเหมาะสมกับความต้องการทางกลศาสตร์แล้ว บางครั้งจำเป็นต้องใช้เครื่องจักรมีขนาดใหญ่กว่าที่ผู้ออกแบบ เคยเลือกไว้ ซึ่งทำให้ความต้องการไฟฟ้ามากกว่าค่าที่เคยประเมินไว้ และบางครั้งความต้องการไฟฟ้า ของเครื่องจักรที่มีขนาดใกล้เคียงกันของแต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่นไม่เท่ากัน ปัญหาที่ตามมาก็คือ เกิดค่าใช้จ่ายที่ต้องเพิ่มขนาดอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น ขนาด CB. ขนาด starter conduit สายไฟขึ้นมา ทำให้เกิดข้อโต้เถียงขึ้นว่า ค่าใช้จ่ายที่ต้องเพิ่ม ใครจะเป็นคนรับผิดชอบ
เพื่อมิให้เกิดค่าใช้จ่ายที่ต้องเพิ่มขึ้น ก็เลยมี การเผื่อ Load ของความต้องการไฟฟ้าไว้ในทางมากไว้ก่อน สุดท้ายเมื่อเลือกเครื่องจักรได้ลงตัว ปรากฎว่าลืมลดขนาดของสายไฟและ CB. ตามลงมา จึงทำให้เกิดปัญหาสายไฟใหญ่เกินไป
ฉะนั้น เมื่ออุปกรณ์ใดที่ได้รับการอนุมัติให้ใช้แล้ว ควรตรวจสอบการใช้ไฟฟ้าของเครื่องจักรนั้นๆ กับทางผู้ผลิตด้วยว่า ต้องการไฟอย่างไร เท่าไร ต้องการอุปกรณ์ตัดตอน CB. หรือไม่ Terminal ที่เตรียมไว้ให้มีกี่ขั้วต่อ 1 เฟส ช่องเสียบสายของ terminal เสียบสายไฟแบบใด ขนาดได้ถึงกี่ Sq. mm. และควรตรวจสอบไฟที่ใช้ control ด้วยว่าต้องการ อย่างไร ฯลฯ แล้วทำเอกสารความต้องการต่างๆเหล่านี้ แจ้งกับทางผู้รับผิดชอบเรื่องไฟฟ้า จัดเตรียมทำระบบไฟฟ้าให้พอดี ก็จะไม่เกิดปัญหาที่กล่าวมาแล้ว และจะเป็นการดีด้วย เพราะจะมีค่าใช้จ่ายที่ลดลงที่ จะคืนให้กับเจ้าของโครงการด้วย